04.05.18
By Mick Green, translated by Khun Ann
ผมทำงานเป็นครูมาตลอดชีวิต ผมเรียนจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์และทำงานเป็นครูในโรงเรียน 2 แห่งในประเทศออสเตรเลียและ โรงเรียนนานาชาติ 5 แห่งในประเทศคูเวต ซูดาน จีน กัมพูชาและโมแซมบิค
ผมสามารถใช้ภาษาของแต่ละประเทศในการสื่อสารทั่วไป เช่นซื้อของและสั่งอาหารทานเองได้ที่ ร้านอาหาร แต่ผมไม่เคยเรียนภาษาอาราบิค แมนดาริน เขมรหรือโปรตุเกส จนกระทั่งผมได้มาตั้งรกราก ที่ประเทศไทยหลังเกษียณและคิดว่าผมต้องพยายามเรียนภาษาอื่นและที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ การตั้งข้อสังเกตุของผม
ภรรยาและผมสมัครเรียนภาษาไทยในโรงเรียนสอนภาษาในอำเภอหัวหิน เราเลือกเรียนแบบ ตัวต่อตัวโดยจะเรียนสองครั้งต่อสัปดาห์ เรามีหนังสือมาอ่านและต้องสอบให้ผ่านตามมาตรฐานที่กำหนด หลังจากใช้เวลา 90 นาทีในการเรียน ผมรู้สึกเหนื่อยและต้องการที่จะพัก ดังนั้นผมเลยหยุดที่จะไป ออกกำลังกาย เพราะกล้ามเนื้อของผมอ่อนล้าและสมองก็ไม่ทำงาน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่าง จากการเรียน ในมหาวิทยาลัยที่มีแต่การจดบันทึกและเดินออกมาด้วยความรู้สึกสบายๆ
ผมรู้สึกไม่ชินกับบทเรียนเหล่านี้และเมื่อเริ่มเรียนผมคิดว่าผมไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ แต่มันไม่ใช่ อย่างที่คิดเพราะเมื่อผมเริ่มเรียนไปเรื่อยๆ ผมรู้คำศัพท์มากขึ้นและได้ใช้คำใหม่ๆในสถานการณ์ที่ แตกต่างกัน การออกเสียงของภาษาไทยมีทั้งหมด 5 เสียง ตอนเริ่มเรียนผมไม่สามารถแยกโทนเสียงที่ แตกต่างกันได้ แต่หลังจากนั้น ผมก็เริ่มตั้งใจฟังเสียงที่คนไทยพูดและมันก็เริ่มชัดมากขึ้น ถึงแม้ว่า ผมจะพูดไทยไม่ชัดแต่ผมก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะพูดภาษาไทย จากการที่จะสั่งไวน์ 3 แก้วก็ได้เป็นไวน์ 3 ขวดแทน
การเรียนเขียนภาษาไทยทำให้ผมได้รื้อฟื้นความทรงจำสมัยเรียนหนังสือ ต้องเริ่มจากการฝึกเขียน ตัวหนังสือทุกตัว แต่ที่น่าแปลกใจ ผมสามารถเขียนภาษาไทยได้สวยกว่าภาษาอังกฤษแม้ว่าการเขียน ภาษาไทยจะต้องใช้ความประณีตในการเขียน
ผมไม่สามารถนำเอาเรื่องการออกกำลังกายในยิมกับการใช้สมองในการเรียนภาษาอื่นมารวมกันได้ จนกระทั่ง ภรรยาของผมมีโอกาสได้เข้ารับการอบรมกับ Dr Dena Mehmedbegovic ที่ประเทศฮ่องกง และการที่ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับ ‘Our Health Linguistic Diet’ ที่มาจากเว็บไซด์ http://healthlinguisticdiet.com, ซึ่งแนวคิดและการเปรียบเทียบในหนังสือทำให้ผมเกิดการรับรู้มากขึ้น ผมใช้เวลาเป็นปี ในการออกกำลังกายแบบ incidental exercise ด้วยการเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์หรือ การถือถุงกับข้าว ที่เหมือนกับเป็นการยกน้ำหนัก เพื่อให้ร่างกายของผมได้ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน โดยไม่ต้องเข้าโรงยิม และตอนนี้ผมก็ใช้วิธีนี้กับการเรียนภาษาไทยของผมในทุกครั้งที่มีโอกาส เช่น เมื่อรถติดไฟแดง ผมก็จะอ่านภาษาไทย บนป้ายทะเบียนรถที่จอดอยู่ข้างหน้าหรือหัดอ่านคำภาษาไทย ที่อยู่บนป้ายโฆษณา ความรู้สึกของ การประสบความสำเร็จมันยิ่งใหญ่มากซึ่งผมเคยคิดว่าผมไม่สามารถ ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาไทยมาก่อน แต่ตอนนี้ ผมสามารถออกกำลังกายที่ยิมและเรียน ภาษาไทยที่โรงเรียนไปพร้อมๆกันแล้ว
23.02.24
Gambar di atas: Bersama para wisudawan di Universitas Udayana Translated by: Ince Dian Aprilyani Azir Tanggal More
23.02.24
Gambar ring baduur: Sareng lulusan Universitas Udayana Translated by: Ni Putu Sri Suci Artini Asih and More
21.02.24
Image above: With the graduates at University of Udayana On February 21st we mark the UN More
18.12.23
Image above left: Thomas giving a keynote at the first International Conference on Language Development and Assessment More